รักเธอเสมอ
ณ ท่าน้ำดาวดึงษ์วันหนึ่งนั้น เราพบกันสมดังจิตอธิษฐาน ต่างหยุดตรึงตะลึงดูอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะขานเรียกกันอย่างมั่นใจ
ฉันตื่นเต้นอย่างไรบอกไม่ถูก ความพันผูกเก่าก่อนชวนอ่อนไหว นานหลายปีที่เราพรากจากกันไกล มิทำให้ฉันลืมเลือนเลยเพื่อนรัก
รอยอดีตขีดวงตรงหน้าเด่น ส่อให้เห็นความสัมพันธ์อันแน่นหนัก แม้มีกรรมจำพราก...ลืมยากนัก หัวใจมักพร่ำเพ้อเสมอมา ได้พบกันอีกครั้งดั่งวันนี้ สมดังที่ฉันมุ่งมาดปรารถนา จึงตะลึงตื่นเต้นเป็นธรรมดา และรู้ว่าเธอก็เป็นเช่นเดียวกัน
ฉันรีบเดินเข้าไปหา...หน้าระรื่น เธอก็ยืนยิ้มรับราวกับฝัน แต่ความหวังพังภิณท์สิ้นลงพลัน เมื่อเธอนั้นบอกชัดแจ้ง...แต่งงานแล้ว ?
จาก...ผู้ที่ยังรักเธออยู่ทุกลมหายใจเข้า-ออก
รุจิเรข อภิรมย์
อาศรมศานติสุข สวนฝันวรรณศิลป์
อ.เมืองยะลา จ.ยะลา
๑ ---บังเอิญพบกัน
๑ ---บังเอิญพบกัน
... เราพบกันที่หน้าวัดดาวดึงษ์...
...ถูกแล้ว...
ต่างหยุดตรึงอยู่กับที่ ตะลึงมองกันไม่วางตา
ความรู้สึกบอกให้รู้ว่า นานพอสมควรทีเดียว กว่าเราจะเขานเรียกชื่อของกันและกันอย่างมั่นใจว่า ไม่ผิดตัว !
"รุ้ง ..."
"รุจ ..."
เราเอ่ยเกือบพร้อมกัน เท้าเริ่มก้าวเข้าหากัน ... ใกล้เข้าไปอีก
แล้วหยุดห่างกันเล็กน้อย เมื่อต่างหลุดคำพูดออกมา
"ดีใจเหลือเกินที่เราได้พบกันอีก"
"ค่ะ ... รุ้งก็ดีใจ"
สายตาเราสบกัน ยิ้มให้แก่กัน
ฉันตื่นเต้น หัวใจระส่ำระสายผิดปกติ
"รุจมาทำอะไรที่นี่คะ ?"
"รุ้งละครับ มาที่นี่ทำไม ?"
"ก็ ... บ้านของรุ้งอยู่ที่นี่ ..." รอยยิ้มยังคงระบายอยู่ทั่วใบหน้า "รุ้งพักอยู่กับน้อง ๆ ใกล้สถานีตำรวจบางยี่ขัน..."
"บ้านคุณป้าของผมก็อยู่ที่นี่ ใกล้วัดบางยี่ขันนี่เอง ผมมาเยี่ยมท่าน..."
ช่างบังเอิญเสียนี่กระไร บ้านอยู่ใกล้กัน แต่เราทั้งสองไม่เคยได้พบกันเลย
"นี่รุ้งกำลังจะไปที่ไหน ?"
"สะพานหันค่ะ ... แต่ไม่ได้รีบร้อนอะไร" เธอรีบบอก
"งั้นเราไปคุยกันที่บ้านคุณป้าผมนะครับ"
เธอนิ่งไปชั่วขณะ จนผมเน้น "ผมอยากคุยกับรุ้ง หลังเรียนจบจากบ้านสมเด็จเจ้าพระยาแล้ว นานมากทีเดียวที่เราไม่ได้พบกันอีก"
"รุ้งก็ไม่คิดว่าเราจะได้พบกันที่นี่ ..." เธอหลบสายตาผมนิดหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
"ตรงข้ามกับผม ทุกครั้งที่ลงเรือจากท่าพระอาทิตย์มาขึ้นที่ท่าวัดดาวดึงษ์ มีสังหรณ์บางอย่างว่าผมจะได้พบรุ้งที่นี่ ..."
"ทำไมละคะ..."
"ไม่ทราบสิ คงเป็นเพราะคิดถึง อยากพบ อย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง ก่อนที่เราจะตายจากกัน ..."
"รุจ ..." เธออุทาน แต่ ... เบา ก่อนจะจ้องมองผมตาไม่กระพริบ "รุจแต่งงานแล้วนะ ..."
"รุ่งแต่งงานก่อนผม ..." อย่างเจ็บปวด ผมรีบเอ่ยสวนคำพูดของเธอ
รุ้งเม้มริมฝีปากเหมือนจะกลืนความรู้สึกบางอย่างแต่ไม่อยากให้รุจรู้ จึงรีบตัดบท
"ไปคุยกันที่บ้านคุณป้าของรุจก็ได้ ท่านไม่รำคาญแน่นะ ..."
"ไม่หรอกครับ ..." ผมรีบบอก ลิงโลด "เชิญสิ ..."
๒ ---วันนัดพบ
รุ้ง... ที่รัก,
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร เราจึงได้ตกเป็นทาสของอดีต ...
ผมไม่คิดเลยว่า วันนั้น, เมื่อเราไปไม่พบคุณป้าแล้วใจเราจะเตลิดไกล จนถึงกับชวนกันไปดูหนัง
รักครั้งแรก ... คือชื่อหนังที่เราไปดูกันในวันนั้น
และหนังเรื่องนั้นเอง ที่มันทำให้เรายิ่งดื่มด่ำลงไปสู่เรื่องราวในอดีตมากยิ่งขึ้น
ความสุข ความสดชื่น ความขื่นขม ที่พระเอกกับนางเอกได้รับ ช่างคล้ายคลึงกับเรื่องราวของเรากระไรเช่นนั้น
เริ่มต้นด้วยเสียงหัวเราะ แล้วจบลงด้วยน้ำตา
ผมยังจำคำพูดของรุ้ง ในโรงภาพยนต์ วันนั้น ...
ท่ามกลางความสลัวรางของแสงไฟ ขณะภาพยนตร์กำลังเดินเรื่องไปอย่างเร้าอารมณ์
รุ้งบอกผมด้วยเสียงกระซิบ ... แต่ได้ยินชัดเจน
"ช่างเป็นความรักที่มีความสุขและสดชื่นเหลือเกิน"
ผมจับปลายนิ้วของรุ้งมากุมและบีบเบา ๆ
"เหมือนรักครั้งแรกของเรา" เป็นเสียงค่อนข้างกระซิบเช่นกัน "นางเอกสวยและซนเหมือนรุ้ง"
"พระเอกก็เหมือนรุจ ..." รุ้งหันมองฝ่าความมืดสลัวมายังผม "สมัยนั้น รุจขรึมจนรุ้งรำคาญ เฝ้าแหย่เฝ้าหยอกอยู่บ่อยครั้ง"
"สมัยนั้น ความจริงเราก็มีความสุขพอสมควรนะครับ"
"แต่รุ้งก็ต้องเสียน้ำตาให้กับรุจบ่อยครั้ง" เหมือนตัดพ้อ
"ก็รุ้งเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อผม เขาบอกเขาเล่าอะไรให้ฟังเป็นเชื่อทันที"
"รุ้งผิดเองค่ะ" แม้จะเบา แต่เสียงนั้นก็หนักแน่น "และทำให้เราต้องลาจากกันด้วยน้ำตา ..."
"ผมไม่เคยลืมรุ้งและความหลังของเรา"
"รุ้งก็ไม่เคยลืมรุจ ..."
"รุ้งไม่รู้หรอกว่า ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผมคิดถึงรุ้งมากเพียงใด"
"แล้วรุ้งไม่ได้คิดถึงรุจหรือคะ ?"
"ไม่ทราบจริง ๆ ครับ"
"โธ่ ..." เสียงเหมือนน้อยใจ พร้อมกับที่ผมรู้สึกเจ็บที่ต้นแขนเพราะโดนหยิก "บางครั้งรุ้งเกือบลืมไปว่าเราต่างก็แต่งงานแล้ว ..."
"รุ้งไม่ควรชวนผมมาดูหนังเรื่องนี้"
"ทำไมคะ ?"
"เจ็บปวดและดื่มด่ำกับอดีตมากยิ่งขึ้น"
"เราจะได้เป็นหนุ่มเป็นสาวกันอีกครั้งหนึ่ง ไม่ดีหรือคะ ?" ปลายเสียงของเธอมีกลั้วหัวเราะปนอยู่
มือของสองเราจับบีบกันเบา ๆ อบอุ่น
วันนั้น กว่าเราจะแยกจากกันก็เย็นมากแล้ว
ก่อนตะวันจะลับฟ้า รุ้งบอกผมอย่างผู้มีน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความผาสุก
"อย่าลืมนะคะ คืนวันอาทิตย์นี้ เราจะได้พบกันอีก"
๓ ---หรือจะจบลงด้วยน้ำตา
แล้ววันอาทิตย์ก็มาถึง ...
ตะวันลับฟ้าไปแล้ว แสงไฟสองฝั่งเจ้าพระยาปรากฏทั่วไป ที่นั่นที่นี่
ในทัศนียภาพยามพลบ รุจเห็นรุ้งยืนกระสับกระส่ายอยู่ที่โป๊ะท่าเรือฝั่งดาวดึงษ์ ทุกครั้งที่เรือข้ามฟากเข้าเทียบท่าและออกจากท่าไป ดูเธอไม่ค่อยจะมีความสุขนัก
หากมีอำนาจสื่อสารใดที่พอจะทำได้ รุจอยากบอกให้รุ้งรับรู้เหลือเกินถึงข้อความที่ปรากฏอยู่ในหัวใจของเขา แต่เมื่อไม่มีหนทางอื่นที่จะทำได้ เขาจึงได้แต่เพียงยืนมองดูเธอ จนกว่าความเบื่อหน่ายจะมาถึง และรุ้งผละออกจากท่าเรือแห่งนั้น กลับไปสู่บ้านของเธอตามเดิม
มันอาจเป็นการรอคอยที่ยาวนาน ... จนตลอดชีวิตของเธอก็เป็นได้ เพราะมโนธรรมคอยเตือนรุจอยู่ตลอดเวลา เพื่อผดุงศีลธรรมเอาไว้ และเพื่อให้ครอบครัวของเราไม่มีรอยแตกร้าว รุจกับรุ้งจะต้องไม่พบกันอีก เป็นการตัดสินใจที่แน่วแน่ของรุจแล้วว่าจะไม่ปรากฏตัวไปพบกับรุ้ง
ถูกแล้ว ... เราจะไม่ได้พบกันอีก ...
สุดที่รัก, รุ้งคงจำคำพูดของรุจที่ฝากไว้ก่อนออกจากโรงภาพยนตร์ในวันนั้นได้
หากไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ เราก็ไม่ต่างอะไรจากเดรัจฉาน
เราต้องเลือกเอา ระหว่างการเป็นเดรัจฉาน กับ การเป็นมนุษย์ผู้มีจิตใจสูง
...ถึงอย่างไร รุจก็ยังรักรุ้งเสมอ...
รักเธอเสมอ
รักเหมือนกับเสียงเพลงที่กำลังลอยพลิ้วมากับสายลมนั่นเอง
รักเธอเสมอ รักเธอเสมอ
นิยายรักเรื่องนี้ที่ผมเขียน
ได้ลอกเลียนชีวิตจริงไม่อิงไผ
ทุกวันนี้, แม้ชีวันใกล้บรรลัย
แต่หัวใจผมยังรักภักดีเธอ
ได้ลอกเลียนชีวิตจริงไม่อิงไผ
ทุกวันนี้, แม้ชีวันใกล้บรรลัย
แต่หัวใจผมยังรักภักดีเธอ
แม้หนใดเธอไปอยู่หากรู้ได้
วานเทพไท้ได้ทวนทบให้พบเสมอ
อสงขัยกัปกัลป์...ฝันละเมอ
ผมเฝ้าเพ้อเพรียกพธูเพียงผู้เดียว
วานเทพไท้ได้ทวนทบให้พบเสมอ
อสงขัยกัปกัลป์...ฝันละเมอ
ผมเฝ้าเพ้อเพรียกพธูเพียงผู้เดียว
รุจิเรข อภิรมย์
เทพ วุฒิพงษ์
ตอบลบอ่านแล้วนึกถึงนวนิยายรักสมัยก่อน เช่นเรื่อง เรียมจ๋า ของ ป. อินทรปาลิต ที่เริ่มอ่านหนังสือออก ป.๑ ก็หยิบหนังสือบนหิ้งหนังสือพ่อมาอ่าน...คล้าย ๆ อย่างนี้ค่ะ ..เขียนนวนิยายขายด้วยหรือคะ
10 ปี
รุจิเรข อภิรมย์
เพื่อความสนุกเท่านั้นเองครับ
ถอดหัวใจออกมาเขียน
เป็นเรื่องจริงระหว่างผมกับเพื่อน
รักกันสมัยเรียน ป.กศ.ที่สะเตง แล้วไปต่อที่บ้านสมเด็จ
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป
กลับมาพบกันอีกครั้ง เหมือนเรื่องที่เขียน
เรื่องนี้จึงเขียนง่ายครับ