วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

กลอยใจ

กลอยใจ
โดย
รุจิเรข  อภิรมย์
.......................


อันเรื่องสั้นฉันสร้างอย่างเรื่องนี้
จากฤดีแด่เธอดวงใจฉัน
แม้มีกรรมจำพรากเราจากกัน
แต่ตัวฉันนั้นยังรักภักดีเธอ

         แดดยามเย็นในเดือนเมษายนอ่อนลงมากแล้ว  ไอร้อนเริ่มผ่อนคลาย  
ผู้คนที่มาออกกำลังกายบริเวณสนามศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา  พลุกพล่าน  หนาตา  คนยะลาเห็นคุณค่าของการออกกำลังกาย  สนามกีฬาและศูนย์ออกกำลังกายทุกแห่งจะมีผู้คนทุกเพศทุกวัยและทุกศาสนา  มาร่วมออกกำลังกายกันคับคั่งทั้งเช้า-เย็น
         ชายหญิงคู่หนึ่ง  สูงวัย  แต่ยังดูกระฉับกระเฉง  โดยเฉพาะฝ่ายหญิงแม้อายุจะเลยเจ็ดสิบปีไปแล้ว  แต่หน้าตาก็ยังดูอิ่มเอิบสวยงามไม่เหมือนคนสูงอายุทั่วไป  เขาและเธอเดินรวมกลุ่มไปกับคนอื่น ๆ ที่มาออกกำลังกาย  แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะสนใจอยู่กับเรื่องราวที่กำลังพูดคุยกัน
         จากปี พ.ศ. 2500  มาถึงวันนี้  เป็นเวลาห้าสิบสี่ปีเชียวนะ  กว่าเราจะได้มาพบกันอีก  ฝ่ายชายทบทวนกาลเวลาที่ล่วงเลยไป  นานเหลือเกิน  นานจนผมคิดว่าเราคงไม่มีโอกาสได้พบกันอีก  เพราะที่ผ่านมา  เหมือนตกอยู่ในบ่วงกรรม  ทั้งคนที่ผมรัก  คนที่เป็นคู่ชีวิตของผม  คนที่ใกล้ชิดผม  ต่างหนีหายตายจากผมไปหมด
         ฝ่ายหญิงซึ่งมีรูปร่างเตี้ยกว่า  ช้อนสายตาขึ้นมามองหน้าฝ่ายชายนิดหนึ่ง  แล้วกลับมองตรงไปข้างหน้า  พูดกึ่งน้อยใจ  กิ่งก็คิดว่าเราคงไม่ได้พบกันอีก  หลังจากได้พบกันครั้งสุดท้าย  เมื่อรุจมาฝึกงานในสถาบันที่กิ่งเรียนอยู่  แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นการพบเพื่อจากกันไปตลอดชีวิต  เพราะหลังจากนั้น  รุจเงียบหายเหมือนตายจากกิ่งไปแล้ว
         ปลายคำของเธอแผ่ว...เครือ  จนรุจสะเทือนใจ  เขาจับปลายนิ้วของเธอบีบเบา ๆ
         ผมไม่เคยลืมกิ่ง  เสียงพูดแม้จะเบาแต่หนักแน่น  จำได้ว่าตอนปลายเดือนธันวาคมของปีที่ผมไปฝึกงานในสถาบันที่กิ่งกำลังเรียนอยู่  คืนหนึ่ง  ผมไปหากิ่งยังที่ที่เราเคยพบกัน  แต่พอเห็นหน้าผมกิ่งก็เอาแต่ร้องไห้  ถามอะไรก็ไม่ยอมพูดจา  ไม่ยอมให้เหตุผล  จนผมอ่อนใจ  กลับบ้านไปโดยไม่รู้สาเหตุอะไรเลย
         วัยรุ่นสี่ห้าคนวิ่งจับกลุ่มแซงขึ้นไปเบื้องหน้าคนทั้งสอง  รุจชำเลืองมองนิดหนึ่ง  คิดในใจ  ชีวิตคนเหมือนการกีฬา  แต่ละวันต้องอยู่กับการแข่งขัน  ทั้งกับตนเองและกับคนอื่น ๆ  เพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางซึ่งตนต้องการ  แพ้บ้างชนะบ้างคละเคล้ากันไป 
         รุจหันมามองกิ่งกมล  เธอยังคงสนใจที่จะฟังเรื่องราวของเขา  รุจจึงรื้อฟื้นอดีตต่อไป ผมเครียดอยู่หลายวัน  พยายามติดต่อกับกิ่งตั้งหลายครั้งก็ไม่เป็นผล      ประกอบกับผมต้อง เตรียมสรุปงานก่อนกลับไปสอบชิงทุนเรียนต่อที่กรุงเทพ  มุมานะกับการเรียน  สำเร็จแล้วก็ออกมาทุ่มเทชีวิตอยู่กับงาน  มีเวลาสืบหาข้อมูลความเป็นอยู่ของกิ่งน้อยมาก  จนไม่ทราบเลยจริง ๆ ว่ากิ่งไปอยู่ที่ไหน  กับใคร  ประกอบอาชีพอะไร  มือที่จับปลายนิ้วของเธอ  บีบกระชับ  กระทั่ง ... วันนี้,  เหมือนฝัน  ดีใจจนไม่รู้จะสรรหาคำใดมากล่าว  ที่มีโอกาสได้พบกิ่ง  และกิ่งยอมพูดคุยกับผม  ถามจริง ๆ เถอะ  วันนั้น ...โกรธผมเรื่องอะไร  เขาย้ำด้วยประโยคเดิมที่เคยถามเธอเมื่อห้าสิบกว่าปีก่อน
         ไม่ได้โกรธ  กิ่งกมลเน้นเสียง  ตวัดสายตามองรุจ  แล้วระบายความรู้สึกในอดีตให้เขาฟัง  คืนนั้น,  กิ่งเสียใจมากที่รุจไม่ยอมบอกความจริงกับกิ่งเรื่องพี่กลอยใจ  เธอเขียนจดหมายมาขอร้องกิ่งให้หลีกทางให้เธอ  เธอบอกว่าเธอใกล้ชิดกับรุจมานาน  นานจนรู้สึกว่าเธอไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้  ถ้าไม่มีรุจ  มีเหตุผลมากมายที่เธอพยายามอธิบายให้กิ่งเข้าใจแล้วสรุปว่ากิ่งอายุยังน้อย  มีโอกาสเลือกคนที่ถูกใจได้อีกมาก  ขอให้กิ่งหลีกทางให้เธอด้วย  กิ่งสงสาร  จึงยอม ...

         เมฆก้อนหนึ่งลอยมาบังดวงอาทิตย์ซึ่งคล้อยต่ำลงไปทางขอบฟ้าตะวันตก  ทำให้บรรยากาศบริเวณศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลาหม่นหมองชั่วขณะ  
         มือของฝ่ายชายที่จับปลายนิ้วฝ่ายหญิง  มีอาการสั่นเล็กน้อย  แล้วค่อย ๆ ปล่อยวางปลายนิ้วเรียวงามนั้นเป็นอิสระจากการเกาะกุม  สีหน้าของรุจเริ่มเผือดซีด  คิดไม่ถึงว่า  ครั้งหนึ่ง  เมื่อคุณครูกลอยใจตัดสินใจที่จะรักใคร เธอจะรักอย่างทุ่มเทจริงจังถึงเพียงนี้ 
         แดงฝากความหวังไว้กับผมมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?  รำพึงเบา ๆ เหมือนจะฝากเสียงนั้นไปกับสายลมยามใกล้พลบ  ถึงคนซึ่งอยู่แสนไกล  เท้าของคนทั้งสองก้าวย่างช้าลง  ผู้คนที่มาออกกำลังกายเริ่มทยอยกลับบ้านบ้างแล้ว  ความมืดกำลังโรยตัวคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ  อารมณ์ของรุจเตลิดหลุดไปอยู่กับอดีตจนไม่ได้ยินคำถามของกิ่งกมล
         ทำไมรุจไม่ชวนพี่แดงมาออกกำลังกายด้วยคะ ?

         ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจากครามอมเทามาเป็นมัวหม่นใกล้มืดมิดเหมือนชีวิตคนเราที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและสิ่งแวดล้อม 
         แม้ทุอย่างจะผ่านไปแล้วแสนนาน  แต่ภาพและเรื่องราวในอดีตยังคงผุดขึ้นมาในมโนคำนึงชัดเจน รุจยังไม่เคยลืมเธอ ... กลอยใจ  ตระกูลพาณิชย์ ... คนในหมู่บ้านเรียกขานเธอว่า...แดง !,      กลอยใจหรือแดงมีผิวขาวเนียน  ใบหน้างามอิ่มเอิบนวลใย  ดวงตาสดใสชวนลุ่มหลง  หลายครั้งที่อยู่ใกล้เธอ  รุจอดมิได้ที่จะจ้องมองไม่วางตา
         เย็นวันหนึ่ง  บริเวณห้องโถงในบ้านของเธอ  รุจว่างจากภารกิจประจำวันจึงมาหาเธอด้วยความคิดถึง  แดงนั่งสอยกระดุมเสื้ออยู่ข้างจักรเย็บผ้าริมหน้าต่าง  ขณะสนทนากันตามสบาย  รุจนั่งพินิจใบหน้าอมเลือดฝาดที่งดงามราวจิตรกรขั้นเทพบรรจงรังสรรค์ให้มีชีวิตชีวานั้น  ไปด้วย
         มองอยู่ได้  กลอยใจทำเสียงเหมือนดุ  แต่พวงแก้มมีสีชมพูระเรื่อดุจกลีบกุหลาบแรกแย้ม
         สวยเหลือเกิน  อยากเก็บภาพนี้เอาไว้ในใจ”  รุจบอกจากใจจริง  จ้องมองเหมือนกลัวภาพนั้นจะเลือนหายไป
         แสดงว่ารุจเป็นคนหลงรูป  ตาจ้องสบตารุจอย่างไม่ค่อยมั่นใจ  ระวังตัวไว้นะ โลกใบนี้มีรูปที่ดึงดูดใจอยู่มากมาย  รุจอาจหลงตามไปจนกู่ไม่กลับ
         ผมรักแดงเพียงคนเดียว  ยืนยันและสบสายตาเธอไม่ละวาง  ถึงโลกใบนี้จะมีคนรูปงามดึงดูดใจอยู่มากมาย  หัวใจผมอาจหวั่นไหวไปบ้างตามธรรมดาของปุถุชน  แต่ผมก็รักแดงเพียงคนเดียว  ไม่ว่ากาลเวลาจะล่วงเลยไปนานแสนนานเพียงใด น้ำเสียงหนักแน่น  ตราตรึง   
         อย่ามั่นใจนัก  โลกมีแต่ความไม่แน่นอน  หัวใจคนเปลี่ยนแปลงได้  วันนี้รักพรุ่งนี้อาจลืม  โดยเฉพาะคนหลงรูปอย่างรุจ  เน้นคำท่อนท้าย  ก่อนจะเดินไปเอาแก้วน้ำส้มคั้นที่แช่เย็นอยู่ในกระติกน้ำแข็งออกมาสองแก้ว  ส่งให้รุจหนึ่งแก้ว  แดงคั้นเผื่อรุจ  ขอให้รุจรับรู้ว่าแดงรักและใส่ใจรุจมากเพียงใด  รุจต้องรู้จักฝึกใจให้มั่นคง  อย่าวอกแวกไปกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง  ไม่ง่ายนักที่รุจจะทำอย่างที่แดงบอก  แต่ถ้ารุจตั้งใจทำ  แดงมั่นใจว่ารุจฝึกได้  ทำได้  เธอยื่นมือมากุมมือรุจไว้  มิใช่ว่าแดงไม่ไว้วางใจรุจ  จงจำเอาไว้  แดงมีรุจเพียงคนเดียว  แดงต้องการเป็นคู่ชีวิตของรุจ  เรารู้จักคุ้นเคยกันมาตั้งแต่วัยเด็ก  วิ่งเล่นด้วยกัน  ช่วยเหลือกันมาตลอด  รู้จักและเข้าใจกันดี  ไม่มีใครเหมาะสมกับรุจเท่ากับแดง  และไม่มีใครเหมาะสมกับแดงเท่ากับรุจ
         รุจอยากกอดเธอไว้ในวงแขน  ปลอบขวัญให้เธอหายกังวล  แต่มโนธรรมที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ทำอะไรให้เกินเลยกับผู้หญิงที่ยังมิได้แต่งงานกัน  ทำให้รุจได้แต่มองจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอ  สายตาสองคู่ประสานกันสนิท  อดมิได้ที่รุจจะคิดไปถึงคืนวันก่อน ๆ แดงมิใช่หรือที่คอยเป็นกำลังใจให้รุจมุ่งมั่นเรียนหนังสือ  คอยตัดเย็บเสื้อผ้าสวย ๆ ให้รุจสวมใส่เทียมหน้าเทียมตาเพื่อนฝูง 

      จงจำเอาไว้  แดงมีรุจเพียงคนเดียว  แดงต้องการเป็นคู่ชีวิตของรุจ  น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของแดง  ผุดพุ่งเข้ามาในจิตสำนึกของรุจอีกครั้ง  แม้จะเป็นเวลาหลังจากวันนั้นมาแล้วถึงห้าสิบสี่ปี ... มิใช่,  มันยังก้องอยู่ในหูทุกครั้งที่รุจอยู่คนเดียว  และคิดถึงเธอ 
         เมื่อกิ่งกมลเล่าเหตุผลที่เธอจำต้องสละรุจเพื่อหลีกทางให้กับแดง  จึงทำให้รุจรู้สึกปวดแปลบในดวงใจ  ยิ่งถูกตอกย้ำด้วยคำถามเดิมจากกิ่งกมล  ทำให้เขาเกือบทรงตัวไม่อยู่
         ทำไมรุจไม่ชวนพี่แดงมาออกกำลังกายด้วยคะ ?   ช่างเป็นคำถามที่เหมือนคมศรพุ่งเข้าเสียบแทงใจ  รุจรู้สึกเจ็บจนเกินจะบอกใครได้  หลุดคำพูดออกมา  แผ่ว ...เครือ ...
         ไม่มีแดงอีกแล้ว !
         “ทำไมคะ ?  กิ่งกมลละล่ำละลัก  ตาเบิกกว้าง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้เหตุผล  หลังจากพี่แดงแต่งงานกับรุจได้กี่ปีคะ ?
         ผมมิได้แต่งงานกับแดง  ริมฝีปากของรุจสั่นระริก  เสียงที่หลุดออกมาจากปากของเขาแผ่วเบาจนกิ่งกมลแทบไม่ได้ยิน  ถ้าความใฝ่ฝันของทุกคนเป็นจริงได้ทุกเรื่อง  คงไม่มีคนปวดร้าวจากความผิดหวัง  แม้แต่แดงก็เช่นเดียวกัน ...  คำพูดของรุจขาดหายไปชั่วครู่  กลิ่นหอมของดอกไม้กลางคืนล่องลอยมากับสายลมบางเบา  รุจรู้สึกเหมือนกามนิตกำลังสูดดมกลิ่นดอกปาริชาติในสรวงสวรรค์แล้วระลึกชาติได้  เขาพึมพำคล้ายคนละเมอ  ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาสก็ตาม  แต่ผมเชื่อ ...  ถ้ามีแสงมากพอ  จะเห็นใบหน้ารุจเคร่งเครียด  เขาเริ่มลำดับเหตุการณ์แต่หนหลังให้กิ่งกมลรับฟัง 
         “หลังจากผมสอบชิงทุนได้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ  แม้จะมีเงินไม่มากนัก  แต่แดงก็คอยเป็นกำลังใจ  เหนือสิ่งอื่นใด  เธอพยายามเจียดรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พอมีอยู่บ้างส่งไปช่วยเหลือผมทุกเดือน ... พยายามเรียนให้สำเร็จ  เพื่ออนาคตอันมั่นคงของครอบครัวเรา ... เธอบอก,  และเมื่อผมจบการศึกษากลับมารับราชการ  เธอก็ยังคอยห่วงใย  เตือนสติให้ผมรู้จักมัธยัสถ์  ด้วยความหวัง... สักวันหนึ่งเราจะได้เข้าพิธีแต่งงานกัน  ครอบครัวเราจะได้มีความสุข !
         แม้ความฝันของแดงจะบรรเจิดเพียงใด  แต่พรหมลิขิตก็มิได้ปราณีเรา   เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดและไม่น่าจะเป็นไปได้ก็อุบัติขึ้น

         คืนหนึ่ง  ผมฝันว่าขณะที่ผมช่วยแดงทำกับข้าวโดยนั่งขูดมะพร้าวอยู่ที่ชานเรือนหน้าห้องครัวของบ้านเธอ  มีกินรีนางหนึ่งถลาลงมาโฉบเอาผมไป  ผมตกใจตื่น  จำใบหน้าและรูปร่างของกินรีนางนั้นได้ชัดเจนแต่มิได้สนใจ  เพราะรู้ว่ามิใช่ความจริง
         ช่วงเวลานั้นผมกำลังมีไฟแรง  อุดมการณ์สูง  ทุ่มเทชีวิตอยู่กับงานจนห่างเหินคุณครูกลอยใจที่รับราชการอยู่ต่างอำเภอ  แต่เธอก็มิได้ตัดพ้อต่อว่าอย่างใด  เธอไว้วางใจผม  มั่นใจว่าผมไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปเป็นอื่น
         กระทั่งวันหนึ่ง,  เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  หน่วยงานที่ผมรับผิดชอบมีการบรรจุแต่งตั้งผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเจ้าหน้าที่  รูปร่างหน้าตาดี  ขยันทำงาน  มีความรับผิดชอบสูง  ฉลาด  ไหวพริบดี  ช่วยแก้ปัญหาให้ผมได้ทุกเรื่อง  ที่สำคัญ  เธอมีรูปร่างหน้าตาคล้ายนางกินรีที่ถลาลงมาโฉบผมในความฝัน  เราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดจนกลายเป็นความผูกพันที่ยากจะแยกออกจากกันได้  ในที่สุดก็ตัดสินใจจะแต่งงานกัน  กรามของรุจขบกันจนเห็นแก้มโปนชัดเจนเมื่อจะเล่าต่อไป  ผมนำเรื่องนี้ไปบอกให้แดงทราบ  แทนที่จะโวยวายตัดพ้อต่อว่าต่อขาน  เธอกลับสงบนิ่งไปพักใหญ่  แล้วกล่าวเพียงสั้น ๆ  คิดดีแล้วหรือ ?
           แต่ผมก็ยังรักแดงอยู่  ผมย้ำคำพูดที่เคยบอกเธอ
         น้ำตาเท่านั้นที่ร่วงลงมาจากเบ้าตาทั้งสองของแดง  สองสามหยด  แล้วขาดหายไป !

         ฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว  จากมัวหม่นมาเป็นดำมืด  มีแต่แสงไฟฟ้าที่เทศบาลนครยะลาจัดไว้บริการประชาชนเท่านั้น  ที่ให้ความสว่างที่นั่นที่นี่  รุจไม่กล้าหันหน้ามามองกิ่งกมล  ได้แต่เล่าเรื่องย้อนอดีตต่อไปด้วยน้ำเสียงปร่า ... เศร้า  เสียดแทรกไปกับสายลมหวีดหวิว  น้ำตาคลอเมื่อบอกว่า  หลังจากนั้นไม่นาน  แดงผ่ายผอมผิดแผกไปจากเดิม  คืนหนึ่ง  ผมฝันเห็นเธอร้องไห้ปิ่มน้ำตาจะเป็นสายเลือด  เธอถอดแหวนจากนิ้วนางข้างซ้ายออกมาคืนให้ผมพร้อมเสียงสะอื้นแล้วเดินจากไป  ผมตื่นขึ้นมาด้วยใจเต้นระทึก  วันรุ่งขึ้นขณะช่วยภรรยาซักผ้า ผมได้กลิ่นศพโชยมาจึงถามภรรยาว่าเธอได้กลิ่นเช่นเดียว กับผมหรือเปล่า  เธอพยักหน้า  พอช่วงสายญาติมาบอกว่าแดงเสียชีวิต  มีไข้สูง  อาจเนื่องจากความตรอมตรม  ร่างกายอ่อนแอ  ขาดภูมิต้านทานจนล้มป่วย
         ก่อนตาย  แดงบันทึกข้อความสั้น ๆ สอดไว้ใต้หมอน  ไม่มีใครรู้ว่าเธอเขียนเมื่อใด ?  และเขียนทำไม ?  ญาติคนหนึ่งของเธอเป็นผู้พบขณะเคลื่อนย้ายร่างปราศจากวิญญาณไปเตรียมการเข้าสู่พิธีรดน้ำศพ,  เป็นปัจฉิมลิขิตที่เธอนอนหนุนจนถึงวาระสุดท้ายของลมหายใจ           รุจเป็นคนหลงรูปจึงไม่รู้คุณค่าของจิตใจ

         แสงไฟ  แม้จะไม่เจิดจ้าเหมือนแสงอาทิตย์ตอนกลางวันแต่ก็พอสังเกตสีหน้าของกิ่งกมลได้  จากที่เคยยิ้มละไม  รื่นเริง  บัดนี้เศร้าสร้อย  ผิดหวัง  ถ้าสามารถมองเข้าไปได้ใกล้ชิด  จะเห็นน้ำใส ๆ หล่อปริ่มทั้งสองเบ้าตา  
         รุจและกิ่งกมลเดินเลี้ยวลัดเข้าไปนั่งบนม้าหินข้างลู่วิ่งออกกำลังกาย  
         กิ่งกมลเสียงเครือ  เมื่อพึมพัมตัดพ้อ    เสียดายเวลาและโอกาสที่กิ่งอุตส่าห์สละให้กับพี่แดง  แต่รุจกลับทำลายมันจนหมดสิ้น
         ผมผิดเอง  ผิดที่ประเมินค่าความรักของคุณครูกลอยใจต่ำไป  ถ้าผมมีใจมั่นคง  ไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งแวดล้อมผมคงได้แต่งงานกับเธอ  แต่นั่นแหละโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน  เราต้องอยู่กับมันอย่างรู้เท่าทันจึงจะไม่เกิดทุกข์  สุดท้ายรุจพูดเหมือนปลอบใจตนเอง
         ผ้าเช็ดหน้าที่กิ่งกมลดึงจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาซับน้ำตาแม้จะไม่ถึงกับชุ่มโชกแต่ก็บอกได้ถึงความสะเทือนใจ  พยายามควบคุมความรู้สึกแล้วพูดตามที่เคยได้ยินได้ฟังมา  อดจะนึกไปถึงคำสอนของพระพุทธองค์มิได้  ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์  ยึดมั่นอยู่กับสิ่งใดมากย่อมมีทุกข์  พลัดพรากจากสิ่งที่รักก็เป็นทุกข์  มุ่งหวังสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์”   พูดพลางมองไปข้างหน้าด้วยใจที่เหม่อลอย 
         สามีคุณมิได้มาด้วยหรือ ?  รุจถามเบา ๆ
         เขาตายแล้ว  ด้วยโรคมะเร็ง  เมื่อหลายปีก่อน
         “ภรรยาของผมก็ตายแล้วเช่นกัน  เธอเป็นพาร์กินสัน  หลับแล้วไม่ยอมตื่น  รุจบอก
         บรรยากาศทั่วบริเวณนั้นค่อนข้างเงียบ  ผู้คนที่มาออกกำลังกายมีเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน  แม้จะยังไม่ดึกนัก  แต่สถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนใต้ไม่เอื้ออำนวย  ยามค่ำคืน  ทุกคนต้องรีบกลับเข้าบ้าน  รุจลุกขึ้นยืน  ยื่นมือให้กิ่งกมลจับ  ค่อย ๆ ดึงให้ทรงตัวอย่างทะนุถนอม

         กลับบ้านเถอะ  ผมไปส่งเอง  ดึกแล้วกลัวจะไม่ปลอดภัย
                                                                      

1 ความคิดเห็น:

  1. ตาไม้ ลายคราม
    ไพเราะหวานซึ้ง ครับพี่หลวง
    10 ปี
    รุจิเรข อภิรมย์
    ...นิยายเรื่องนี้ผมเขียน เพื่อเธอ แด่เธอ ดวงใจฉัน
    >กลอยใจ ตระกูลพานิช
    สวยเก่ง เท่ เสน่ห์สาวโสด
    สวัสดียามบ่ายค่ะอารุจ ภาพนี้น่าสงสาร เศร้าใจจังค่ะ..อารุจ..สุขใจสุขกายพบแต่ความสุขมีสุขภาพแข็งแรงนะค่ะอารุจ..คิดถึงคุณอารุจนะค่ะ^_^
    10 ปี
    รุจิเรข อภิรมย์
    ...น้องเรย์ ถึงเราจะรักกันมากเพียงใด แต่หากมิใช่เนื้อคู่กัน มันก็มีเหตุจนได้ครับ
    10 ปี
    สวยเก่ง เท่ เสน่ห์สาวโสด
    ขอบคุณค่ะอารุจ..น้องเรย์เห็นด้วยค่ะ..คนถ้าไม่ใช่ จะให้ใช่ได้อย่างไรใช่มั้ยค่ะคุณอารุจจ๋าาา
    10 ปี
    กรองแก้ว กานดา
    อ่านแล้วอดน้ำตาซึมมิได้
    10 ปี
    รุจิเรข อภิรมย์
    ...กรองครับ รักใครต้องตระหนักไว้ตลอดเวลานะครับว่า มีพบต้องมีจากเสมอ
    10 ปี
    สายใย แห่ง สายใจ
    ใจแป้วหมดแว้ววววววว
    10 ปี
    รุจิเรข อภิรมย์
    ...ขอบคุณคุณไม่ได้ขอให้รัก ถ้าเธอ ไม่คิดรักกันจริง และเพื่อน ๆ ทุกคน ที่กรุณาให้เกียรติเข้ามาอ่าน ไลค์ เม้นท์ ตื้นตันใจมากครับที่เขียนแล้วมีคนอ่าน
    10 ปี
    รุจิเรข อภิรมย์
    ...สำหรับคุณสายใย แห่งสายใจ ผมอยากนำนิยายเรื่องนี้ไปลงที่เฟสของคุณด้วย คงไม่ขัดข้องนะครับ
    10 ปี
    ความทรงจำ ริมน่าน
    ขอเก็บไว้ที่เพจส่วนตัวนะคะ จะได้ครองคู่หรือไม่ แค่รู้ว่ายังรักก็ดีใจแล้ว
    7 ปี
    รุจิเรข อภิรมย์
    ... โห ประทับใจสุด ๆ แสดงว่ารักกันจริงจึงติดตามงานแบบไม่ยอมให้ละสายตา ถ้าเช่นนั้นเพื่อเป็นของขวัญที่มีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ผมจะมอบบล็อคซึ่งตกแต่งไว้สวยงามพอสมควรไปเก็บไว้ดีกว่า จะให้ลงเพจไหนกรุณาส่งลิ้งค์เพจนั้นไปที่ห้องสนทนา ผมจะลงให้ครับ
    7 ปี
    ความทรงจำ ริมน่าน
    ขอบคุณนะคะ มากๆๆๆเลยค่ะที่กรุณา หนูจะเก็บไว้นานๆๆ🙏🙏🙏
    7 ปี

    ตอบลบ