วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

คืนหัวใจ

คืนหัวใจ
โดย
รุจิเรข  อภิรมย์
******************************
ก่อนวันจาก

          แดดยามสายเริ่มร้อนจัด  แต่ตรงใต้ร่มเงามะพร้าวเตี้ย ๆ ต้นหนึ่งริมถนนสายใหม่ซึ่งตัดตรงไปยังชายทะเลบางตาวา  อำเภอหนองจิก  จังหวัดปัตตานีนั้น  กว้างพอที่จะขจัดความร้อนลงได้บ้าง  หนุ่มสาวสองคนได้มาพบกันที่นั่น  ฝ่ายชายดึงภาพถ่ายขนาดโปสการ์ดออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านซ้าย  แล้วสลักลงไปหลังภาพด้วยประโยคที่ส่อถึงอารมณ์ฝันของเจ้าของอย่างเต็มที่
          "สายจ๋า,  ขณะนี้คุณอยู่ที่ไหน  สัญชัยกำลังเพรียกหาคุณอยู่"
          เขาส่งภาพนั้นให้เธอ  สีหน้าหญิงสาวงวยงง  รับภาพนั้นมาดูด้านหน้าแล้วพลิกดูด้านหลัง  ดวงตาเบิกกว้าง  ถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
          "ตายจริง  สัญชัย,  ทำไมจึงเขียนอย่างนี้เล่าคะ ?"
          เขาหัวเราะบ้าง  แต่เสียงปร่า-เขิน  จ้องหน้าสายทิพย์เหมือนจะพิมพ์ภาพนั้นไว้ในดวงใจ
          "เพื่อความสัมพันธ์อันแนบแน่นของเรา  และเพื่อการจากที่อาจยาวนานกว่าเราจะได้มาพบกันอีก  หวังว่าข้อความข้างหลังภาพนี้พอจะเตือนสายได้บ้าง"

สัญญาดั่งเสียงลม

          ใบไม้สีน้ำตาลถูกลมเป่าปลิดขั้วจากต้นซึ่งขึ้นอยู่บริเวณนั้นให้ปลิวร่วงลงมาใกล้ ๆ กับที่คนทั้งสองยืนอยู่  สัญชัยก้มลงมองใบไม้ด้วยหัวใจสั่นไหว  ก่อนจะกล่าวเสียงล้าอ่อนแรง
          "ผมลาราชการมาเพื่อพักผ่อน  รักษาตัว  อีกสอง-สามวันก็จะครบกำหนด  ต้องรีบกลับกรุงเทพ  งานที่นั่นกำลังรออยู่"
          ใบหน้าหญิงสาวสลดวูบ  เสียงหลุดลอดมาเหมือนไม่คาดฝันกับเรื่องราวที่รับรู้
          "หรือคะ"  ใจหายวูบ  อดถามมิได้  "แล้วสัญชัยจะกลับมาที่นี่อีกไหม"
          "กลับมาซีครับ"  เขารีบตอบ  "ต้องกลับมาแน่นอน  หัวใจผมอยู่ที่นี่"
          สายตาที่จ้องมองหญิงสาวเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง  สายทิพย์ไม่กล้าสบตาเขาให้เนิ่นนาน  แสร้งมองไปทางนกเล็ก ๆ สองตัวที่คลอเคล้ากันอยู่บนกิ่งไม้ใกล้ ๆ นั้น
          "จะกลับมาเมื่อไหร่คะ ?"  ถามอีกครั้งเหมือนจะคาดคั้น
          สัญชัยลังเล  เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ยากแก่การตัดสินใจ  แต่ในที่สุดก็ให้สัญญา
          "ก่อนสิบสามเมษายน  ผมจะกลับมาเล่นสงกรานต์กับสายที่นี่"  เขาเอื้อมมือไปจับปลายนิ้วของเธอ  บีบเบา ๆ
          "คอยผมนะ"  ตอกย้ำอย่างอาวรณ์
หัวใจสายทิพย์สั่นไหว  หลุดปากออกมาแผ่วเบา
"ค่ะ  สายจะคอย" 



ฝากไว้ด้วย...หัวใจดวงนี้

          ต่างนิ่งเงียบกันไปชั่วขณะ  ได้ยินแม้แต่เสียงลมที่พัดวู่หวิว  นกเล็ก ๆ ระเริงร้องอยู่ในละเมาะไม้ใกล้ ๆ นั้น  ไกลออกไป – บ้านของสายทิพย์ยืนตระหง่านสงบอยู่ท่ามกลางดงมะพร้าว  หลังคาสังกะสีสะท้อนแสงจนนัยน์ตาพร่าพราย
          สัญชัยลดสายตาลงจากสิ่งเหล่านั้น  และเป็นขณะเดียวกับที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้น  ตาต่อตาจึงสบกัน  แล้วเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มที่บอกถึงความรู้สึกจากส่วนลึกของหัวใจเธอ  สายทิพย์บอกเขาด้วยสำเนียงค่อนข้างเบา
          "สัญชัย  คอยสายอยู่ที่นี่สักครู่นะคะ"  เห็นสัญชัยจ้องมองสงสัย  เธอรีบบอกเหตุผล  "สายจะกลับไปที่บ้าน  ครู่เดียวเท่านั้นค่ะ  แล้วสายจะกลับมาหาสัญชัย"
          "ไปทำไม ?"
          "ธุระบางอย่าง  รอนะคะ  สายไปล่ะ"
          ผละออกไปอย่างรวดเร็ว
          สัญชัยมองตามหลังร่างโปร่งประเปรียวนั้นไปจนลับตา

          มีอะไรหลายอย่างที่น่ารักและมารวมอยู่ในตัวของเพื่อนสาวตาคมดำขลับคนนี้  ยามใดได้พบ – ใกล้ชิดกับเธอ  เขาไม่อยากนึกถึงอดีตอันมีแต่ความเจ็บปวดรวดร้าวและทุกข์ทรมาน  ไม่อยากคิดถึงอนาคตซึ่งมีแต่ความมืดมิดเหมือนถูกกักขังอยู่ในห้องทึบ   สัญชัยอยากมีแต่ปัจจุบันอันเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขสดชื่นเพราะมีสายทิพย์อยู่ใกล้ ๆ
          เขาถอนหายใจ  ทรุดตัวลงนั่งที่โคนมะพร้าว  คอยสายทิพย์ด้วยหัวใจว้าวุ่นสับสน
          สิบนาทีผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้า  สายทิพย์จึงกลับมาพร้อมภาพถ่ายขนาดโปสการ์ดใบหนึ่ง
          มือซึ่งถือภาพถ่ายและปากกาสั่นระริก  เอ่ยถามสัญชัยด้วยเสียงเหนื่อยหอบ  ค่อนข้างประหม่า
          "ภาพถ่ายสายเอง  จะมอบให้สัญชัยเป็นที่ระลึก  แต่เขียนสลักข้อความว่าอย่างไรดีคะ"
          สัญชัยมองใบหน้าสีชมพูเปล่งปลั่งเพราะแรงฉีดของโลหิต  อย่างตื่นตลึง  ตอบเสียงเบา
          "เขียนตามที่หัวใจของสายอยากจะบอก"
          เธอก้มหน้า  ใจเต้นระทึก  เม้มริมฝีปากนิ่งงันอยู่ครู่ใหญ่  ในที่สุดก็ตัดสินใจสลักอักษรลงหลังภาพด้วยลายมือเรียบง่ายสวยงาม
          "แด่สัญชัย  มิตรใหม่ที่สายพอใจที่สุดค่ะ"
          เพียงสายทิพย์ยื่นภาพนั้นให้เขา  สัญชัยรีบรับเอามาทาบที่หน้าอกเบื้องซ้ายซึ่งหัวใจกำลังไหวระริก  พร้อมกล่าวช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำจากส่วนลึกของหัวใจ
          "...แม้เพียงภาพซาบซึ้งตรึงใจแล้ว
          ถึงดวงแก้วแววฟ้าค่านับแสน
          มาขอแลกแปลกปลอมไม่ยอมแทน
          จะหวงแหนภาพสายจวบวายปราณ"

          สายทิพย์สีหน้าแดงระเรื่อ  หลบสายตา  สะเทิ้นเอียงอาย
          "อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลย"  บอกพร้อมรอยยิ้มประทับใจ
          "ผมจะรักษาภาพของสายและคำพูดของผมเอาไว้ชั่วชีวิต"
          "ขอบคุณค่ะ  สายก็จะรักษาภาพถ่ายของสัญชัยไว้ให้ดีที่สุดเช่นเดียวกัน"  สัญญาด้วยเสียงสั่นพลิ้ว
          "เท่านั้นหรือ ?"  เขาซัก  นัยน์ตาเป็นประกาย
          "จะไม่ลืมสัญชัย  มิตรใหม่ที่น่ารักของสายด้วยค่ะ"  รอยยิ้มที่ระบายไปทั่วใบหน้า  ดวงตาที่ใสซื่อ  สร้างความประทับใจให้สัญชัยสุดพรรณนา
          "หมดแค่นี้เอง ?"  พยายามจะหยั่งลึกลงไปอีก
          "ค่ะ ... "  เป็นเสียงที่เบา  บาง  และจางหายไปกับสายลม
          "แล้วหัวใจของผมที่ฝากเอาไว้ ..."  น้ำเสียงของสัญชัยเกือบมิได้แตกต่างไปจากน้ำเสียงของสายทิพย์สักเท่าใดนัก  หลุดปากออกไปแล้ว  เขาระลึกได้  สะดุ้ง  ใจหายวาบ  เมื่อรู้สึกตัวว่าได้ทำสิ่งที่ไม่บังควร
          ความเงียบแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณนั้น
          สัญชัยอดมีความหวังมิได้ว่า  สิ่งที่กำลังคุกคามชีวิตเขาอยู่นั้นจะต้องพ่ายแพ้แก่เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่โลกกำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วอย่างไม่มีอะไรหยุดยั้งได้  เขาจึงตัดสินใจทำลายความเงียบ
          "หัวใจของผม  ผมมอบให้สายเพียงคนเดียว  ไม่คิดจะเอาคืนมาอีก"  เขาบอกหนักแน่น  เอื้อมมือไปจับมือหญิงสาวมากุมไว้  ทะนุถนอม  "สายกรุณาเก็บมันไว้ให้ดี  ช่วยทะนุถนอมมันด้วยนะ"
          ต่างเงียบเสียงกันไปอีกครั้ง  ทั้ง ๆ ที่หัวใจกำลังเต้นระทึก  โดยเฉพาะสัญชัย  หัวใจเต้นแรงจนน่ากลัว  เขาบีบมือเธอเบา ๆ   สายทิพย์โลหิตฉีดแรง  ร้อนวูบวาบไปทั่วร่าง  เธอค่อย ๆ แกะมือของเขาออก
          "สายจะไม่จากสัญชัยไปที่ไหนอีกค่ะ"  แม้จะไม่ดังนักแต่สัญชัยได้ยินเสียงนั้นชัดเจน  เขาค่อย ๆ ปล่อยให้มือเธอมีอิสระอย่างแสนเสียดาย
          "ขอโทษ  ลืมตัว..."
          "ค่ะ  ลืมตัว ... "  รอยยิ้มที่ระบายทั่วใบหน้าเนียนงามทำให้สัญชัยมองซึ้ง  มีความสุขบอกไม่ถูก
          ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณนั้นอีกครั้ง  ได้ยินนกเล็ก ๆ ส่งเสียงร้องจิ๊บ ๆ อยู่ที่ชายป่า  สายลมโชยพัดเป็นครั้งคราว  เหมือนจะช่วยหอบเอาความคิดของสองหนุ่มสาวไปรวมกันไว้ ณ ที่เดียวกัน

          สัญชัยมองสายทิพย์ด้วยสายตาเปี่ยมประกายแห่งความรัก  ต่างยิ้มให้กันอย่างเก้อเขิน
          เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้  สีหน้าของสายทิพย์สลดวูบ  พร้อมเสียงพึมพำอ่อนระโหยจนผู้ฟังรู้สึกใจหายตามไปด้วย
          "พรุ่งนี้  สัญชัยต้องเดินทางกลับกรุงเทพ"
          "ครับ  หัวใจผมที่ฝากไว้สายช่วยรักษาให้ดีนะ  เดือนเมษายนผมจะกลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง"
          "ค่ะ  สายจะคอย"  สัญญาหนักแน่น  "สัญชัยอย่าลืมสายนะคะ"
         ก่อนจากกันวันนั้น  เขาไม่ลืมกำชับสายทิพย์ด้วยบทกลอนสั้น ๆ ว่า 
                       ...  “รูปและสาส์นวารแนบแอบใต้หมอน 
                       ยามจะนอน นอนด้วย ช่วยกล่อมสาย 
                       ยามหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย 
                       ต่างเรือนกายใต้หมอนหนุนเพื่อนคุณมี”
        “คอยผมนะ ที่รัก”  เขากำชับอีกครั้ง  แล้วหันหลังเดินจากที่นั้นไป
         

จนกว่าจะพบกันอีก
          ขบวนรถด่วน สุไหงโก – ลค...กรุงเทพ  ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากสถานีโคกโพธิ์(ปัตตานี)อย่างเชื่องช้า  สายทิพย์ยืนโบกผ้าเช็ดหน้าจนกระทั่งใบหน้าของสัญชัยค่อย ๆ เลือนหายจากสายตา ... ไม่ช้านัก...โบกี้สุดท้ายก็ไม่สามารถมองเห็นได้อีก  คงทิ้งไว้แต่รางเหล็กคู่ขนานยาวเหยียดไปแสนไกลเช่นนั้นดุจวันที่แล้ว ๆ มา
          สายทิพย์มองเหมือนจะตั้งปัญหากับหัวใจเธอ  แต่ก็ไม่อยากคิดอะไรให้มากไปกว่า  เธอเริ่มต้นคอยสัญชัยแล้วตั้งแต่วินาทีแรกที่รถไฟเคลื่อนตัวออกจากสถานีโคกโพธิ์(ปัตตานี)นั่นเอง



คืนหัวใจ
          สายทิพย์พยายามเร่งให้คืนวันผ่านไปโดยรวดเร็ว
          สิ้นเดือนมีนาคม  เธอลุกขึ้นตั้งแต่ตอนเช้าตรู่เพื่อจะดึงปฏิทินแผ่นสุดท้ายซึ่งพิมพ์ตัวเลขบอกเป็นเครื่องหมายเอาไว้ว่า วันที่ ๓๑ มีนาคมนั้นให้หลุดออกไป  ขณะเดียวกันก็มองตัวเลขของเดือนใหม่ด้วยจิตใจระทึก
          วันที่ ๑ เมษายน – เออ  ช่างเป็นวันเริ่มต้นของเดือนที่มีความหมายต่อเธอกระไรเช่นนั้น
          สัญชัยจะกลับมา !
          เธอพึมพัมพูดกับตัวเอง
          ตลอดทั้งวัน  สายทิพย์อดมิได้ที่จะสำรวจดูความบกพร่องของบ้านเรือน   ซึ่งแม้จะได้จัดไว้อย่างดีแล้วก็ตาม  เธอไม่ต้องการให้เขามาเห็นหรือพบกับสิ่งที่ไม่สดชื่นในวันแรกของการได้มาเจอกัน  พร้อมกันนั้นก็คอยเงี่ยหูฟังเสียงเครื่องยนต์ของรถประจำทางที่จะมาหยุดส่งคนโดยสารที่หน้าบ้านของเธอด้วย
          สัญชัยมาตามสัญญา  แต่ ...
          เกือบจะไม่เหลือริ้วรอยใดไว้ให้เห็นว่าเขาเป็นสัญชัยคนเดิม
          เพียงสบภาพของเขาเท่านั้น  สายทิพย์ตกตะลึง  พอได้สติ  เธอผวาเข้าไปกอดเขาแนบแน่น  มิไยว่าเบื้องหลังของสัญชัยจะมีผู้หญิงร่างสะคราญคนหนึ่งก้าวตามมา
          สัญชัยเบือนหน้าออกไปทางหนึ่ง  พยายามผลักดันสายทิพย์ให้ถอยห่างออกไป  แต่สายทิพย์กำลังลืมตัว  กอดแนบแน่นจนสัญชัยมีอาการเหนื่อยหอบ  ออกคำสั่งด้วยเสียงแหบเครือ
          "เพื่อนรัก  ออกห่างจากตัวผมเดี๋ยวนี้"
          "สัญชัย"  หลุดเสียงออกมาอย่างงุนงง  แผ่วเบา
          สายทิพย์เงยหน้ามองดูเขาแล้วผละออกไปอย่างไม่รู้สาเหตุ
          "เราไม่สามารถเป็นของกันและกันได้อีก"   สัญชัยกระเส่าเสียงสั่นพร่า  ออกเดินไปยังอีกมุมหนึ่งของห้อง  นั่งลงบนเก้าอี้นวมโดยอาการโผเผ  ใบหน้าเผือดซีด
          "สัญชัย ... "  สายทิพย์เอ่ยเรียกอีกครั้ง  น้ำตาไหลพราก
          สัญชัยฝืนยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่ง  สายตาเหลือบมองปฏิทิน
          "วันที่หนึ่งเมษายน  ผมมาตามสัญญา  แต่... "  เสียงเขาขาดหายไปอย่างอิดโรย  แสดงความเหน็ดเหนื่อยออกมาให้เห็น  "ที่รัก  เราไม่ควรพบกันเลย"
          ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งเผือดลงไปอีก
          "ผมไม่เคยคิดว่าเราจะมาพบเพื่อที่จะพรากไปจากกัน"  สายตาเขาปรายไปทางหญิงสาวที่ติดตามมา  พลางพูดกับสายทิพย์ด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน
          "สายไม่ต้องคอยผม  เราหมดโอกาสที่จะได้แต่งงานกันแล้ว"
          "สัญชัย !"  สายทิพย์อุทาน  มือทาบอก  "หมายความว่า ... "
          "ครับ ... "  สัญชัยรับคำด้วยความปวดร้าวใจ  กรามบดเข้าหากันแน่น  เขาต้องใช้ความอดทนเหลือที่จะกล่าว  เมื่อพูดว่า  "ผมมาเพื่อจะคืนหัวใจ ... "
          สายทิพย์ปล่อยโฮออกมา  สัญชัยเองเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่  เขาเบือนหน้าออกไปอีกทาง  พูดขาดเป็นห้วง ๆ 
          "ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมนี้คือน้องสาวร่วมสายโลหิตของผมเอง  เธอมาเป็นเพื่อนเดินทาง  คอยดูแลผม  เพราะผมเป็นมะเร็งในตับ  ระยะสุดท้าย..." 
          ปลายเสียงของเขาแผ่วเบาและขาดหายไปเพียงเท่านี้



...................................................












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น